1. กระบวนการเกิดสนิมเหล็กบนโลหะ
การกัดกร่อนของโลหะหรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่า การเกิดสนิม (Rusting) โดยสนิมเป็นโลหะส่วนที่มีการเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากเป็นการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่มีอากาศ น้ำ หรือความร้อนเป็นตัวการสำคัญทำให้โลหะมีคุณสมบัติแตกต่างไปจากเดิม โดยโลหะจะค่อย ๆ สึกกร่อน กลายเป็นเหล็กออกไซด์ มีชื่อทางเคมีว่า ไฮเดรตเฟอร์ริกออกไซด์ (Hydrated Ferric Oxide: Fe2O3∙xH2O) หรือที่เรารู้จักกันว่า สนิมเหล็ก มีลักษณะเป็นคราบสีแดง ซึ่งไม่สามารถเกาะอยู่บนผิวของเหล็กได้อย่างเหนียวแน่น สามารถหลุดออกไปได้ง่าย ทำให้เนื้อเหล็กที่อยู่ชั้นในสามารถเกิดเป็นสนิมต่อเนื่องได้จนกระทั่งหมดทั้งชิ้นงาน
ภาพประกอบที่ 1. การเกิดสนิมแบบต่างๆ
การเกิดสนิมเหล็ก แสดงเป็นการเกิดปฏิกิริยาเคมีดังนี้
1. 2Fe (s) + O2 (g) + 2H2O (l) 2Fe2+ (aq) + 4OH– (aq)
2. Fe2+ (aq) + 2OH– (aq) Fe(OH)2 (s)
3. 4Fe(OH)2 (s) + O2 (g) + 2H2O (l) 4Fe(OH)3 (s)
4. Fe(OH)3 (s) Fe2O3∙xH2O (s)
ไฮเดรตเฟอร์ริกออกไซด์ (Hydrated Ferric Oxide) ; สนิมเหล็ก (สีน้ำตาลแดง)
เมื่อใดก็ตามที่ชิ้นงานโลหะสัมผัสกับความชื้นและอากาศเป็นเวลายาวนานระหว่างการจัดเก็บหรือการขนส่ง ชิ้นงานโลหะนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดสนิมได้ง่าย สภาพผุกร่อนไม่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ยังรวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องจักรที่เป็นโลหะ เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเชื่อมโยงไปสู่การผลิตที่ตรงตามเป้าหมาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีวิธีการป้องกันสนิมที่ถูกต้องและเหมาะสม
การป้องกันการเกิดสนิมมีหลายวิธี ซึ่งวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การเคลือบผิวเหล็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเหล็กสัมผัสกับน้ำและอากาศโดยตรง ดังเช่น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันสนิมที่มีประสิทธิภาพตามระยะเวลาการป้องกันที่ต้องการ เป็นต้น
2. ผลิตภัณฑ์ป้องกันสนิม (Rust Preventives)
ผลิตภัณฑ์ป้องกันสนิม (Rust Preventives) สามารถแบ่งประเภทตามวัตถุดิบที่ใช้ ได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
2.1 ประเภทน้ำมัน (Oil-Based Type) : ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (Base Oil) เป็นหลัก และผสมสารเพิ่มคุณภาพป้องกันการเกิดสนิม มีความหนืดปานกลางและจุดวาบไฟสูงประมาณ 200oC สามารถเคลือบผิวชิ้นงานได้ดีเป็นฟิล์มน้ำมันหนา ช่วยป้องกันสนิมได้ดีเยี่ยมเป็นระยะเวลายาวนาน (ชิ้นงานอาจมีสภาพเหนียวเหนอะหนะได้จากลักษณะของฟิล์มน้ำมันหนา)
2.2 ประเภทสารทำละลาย (Solvent-Based Type) : ผลิตจากสารทำละลายและผสมสารเพิ่มคุณภาพป้องกันการเกิดสนิมมีความหนืดและจุดวาบไฟต่ำประมาณ 40-60oC สามารถแทรกซึมเข้าสู่ชิ้นงานส่วนเล็กๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมในการไล่น้ำ ให้การเคลือบด้วยฟิล์มบางๆหรือไม่เหลือฟิล์มน้ำมัน ทำให้แห้งเร็ว ง่ายต่อการทำความสะอาด ช่วยป้องกันสนิมได้ดีเป็นระยะเวลาปานกลาง
2.3 ประเภทผสมน้ำ (Water-Based Type) : ผลิตจากสารสังเคราะห์ผสมน้ำ ไม่ไวไฟ สามารถป้องกันสนิมและมีคุณสมบัติการระบายความร้อนที่ดี ช่วยในเรื่องของการทำความสะอาดชิ้นงานได้ง่าย ให้ระยะเวลาการป้องกันสนิมที่สั้นจนถึงระยะ ปานกลาง
ภาพประกอบที่ 2. ผลิตภัณฑ์ป้องกันสนิม (Rust Preventives)
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันสนิม มีหลักเกณฑ์ที่ควรพิจารณาดังนี้
- ระยะเวลาที่ต้องการในการป้องกันการเกิดสนิม
- ชนิดของชิ้นงาน, ขนาด
- วิธีการใช้แบบจุ่มให้ท่วม, ใช้แปรงทา, หรือพ่นเป็นละอองฝอย
- ความจำเป็นต้องล้างผลิตภัณฑ์ป้องกันสนิมออกจากชิ้นงานก่อนใช้งานหรือไม่
- การเก็บรักษาชิ้นงานหลังชุบเคลือบกันสนิม